วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

จากรุ่นสู่รุ่น



          เพื่อนพองน้องพี่ที่รักครับเอกคงจะวางมืออย่างเป็นทางการเสียที สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว การทำงานในระบบจิตอาสานั้นสิ่งที่ได้สูงสุดคือความยินดีที่ได้ทำแค่นั้นเอง ผมว่าทุกๆท่านเคยผ่านการเรียนหรือการทำงานในแบบรุ่นสู่รุ่นมาด้วยกันทั้งนั้น ในระบบการเรียนก็มีรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่เป็นทหารตำรวจอันนี้จะเข้าใจระบบรุ่นมากหน่อย ในฐานะผู้ริเริ่มทำสื่อให้กับศูนย์งานที่ทำขั้นพื้นฐานได้เสร็จลุล่วงไปนานแล้ว การประคับประคองก็ผ่านมาด้วยดี จึงพูดได้เต็มปากว่างานที่ทำเสร็จทั้งหมดแล้ว
            โอกาสสุดท้ายที่ไปเยี่ยมศูนย์เมื่อ พ.ค.๕๓ ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน ทั้งรูปแบบ ความคิด และจิตวิณญาณ มีเหลือไว้ที่เหมือนเดิมก็คือกิจกรรม ทั้งอบรมและดูงาน ไม่แปลกเลยสำหรับการยึดถือตัวตนในฐานะคนทำงานแม้รู้แก่ใจว่า สิ่งที่ประกอบให้เกิดกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมความคิดโดยอาศัยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้หลายๆคนที่มาฝึกอบรมให้การยอมรับ มุมมองของผู้ปฏิบัติต่อการปฏิบัติเป็นมิติที่ผู้ได้ปฏิบัติจริงเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้
            บอกหลายครั้งหลายคราการเชื่อมต่อระหว่างการทำงานให้มีการสืบทอดสิ่งดีที่ก่อนเก่าเขาทำมา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เหมาะแก่การนั้นๆ ตอนผมมาอยู่ก็ได้เห็นการผลัดใบของวิทยากรรุ่นเก่าๆ หลายคนซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา รุ่นเก่าไปรุ่นใหม่มาจากรุ่นสู่รุ่น แต่สิ่งที่ปฏิบัติกันมาคือการรู้จักเคารพเชื่อฟัง ระบบองค์กรที่อยู่รวมกันด้วยความต่างวัย ต่างภาษา ต่างจังหวัด มันมีองค์ประกอบทำให้เกิดจริยะธรรมในการอยู่ร่วมกัน
            ป้ายไวนิลต่างๆที่ติดทั่วบริเวณหมายให้ผู้พบเห็นได้มองได้คิดได้พิจารณา แต่ถ้าผู้ทำงาน ณ จุดนี้ เพียงรู้แต่มิได้นำมาปฏิบัติจริงแก่ตนเองแล้วนั้นไม่ต่างอะไรกับระเบิดที่วางอยู่รอบตัว
            ฑิฐิสามัญตา กฎแห่งความคิดคือสิ่งที่ทุกคนต้องจดจำให้ขึ้นใจ การประสานเซียนคือขุมพลังแห่งศาสตร์นั้นๆ ต้องนำมาปฏิบัติ
            เวลาเดินผ่านพระฉายาลักษณ์ที่ประดิษฐ์สถานในห้องอบรม ให้มองดูแล้วถามตัวเองซักทีเถิดว่าเรามาทำอะไรกัน ประโยคที่ถามวิทยากรรุ่นนึ่งมาแล้ว และฝากคำถามนี้แก่รุ่นต่อไป