วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาลัยลุงธง

เอกต้องขอกราบขอโทษลุงธงและครอบครัว ตลอดจนพี่ๆ วิทยากรแห่งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสองสลึง ทุกท่านด้วย ผมคงไม่ได้มีโอกาสไปคารวะลุงธงในครั้งสุดท้าย เสียใจก็เสีย แต่วิถีทางแห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้วนั้น ผมมิอาจยิบยืมเงินจากผู้อื่นได้ ในการเดินทางไปเพื่อครั้งนี้ทั้งที่ใจจริงอยากทำอย่างนั้นแทบใจจะขาด แต่ด้วยการก้าวเดินจากไม่มีทุนเลยตอนนี้มีแค่ ประทังชีวิตและครอบครัว ไม่ถึงขั้นเหลือเก็บ ทุกย่างก้าวจึงเต็มไปด้วยภาระที่มีอยู่ การจากไปครั้งนี้ของลุงธง ผู้ซึ่งนั่งเชื่อมหลังคาให้ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ สองสลึง ผู้ที่เอื้ออำนวยเครื่องไม้เครื่องมือในบางครั้งให้แก่ศูนย์สองสลึง ผู้ที่ให้บริการต่างๆ แก่บุคลากรสองสลึง ผู้ที่เป็นพื้นที่หลบ ที่พักอาศัยแก่วิทยากรสองสลึงในบ้างครั้ง สถานที่ ที่เป็นเครื่องมื่อประสานความเข้าใจให้แกหลายๆคนในหลายๆโอกาสสำหรับเหล่าวิทยากรของสองสลึง ผมจำท่าเดิน รอยยิ้ม ของลุงธงได้เสมอ



ลุงธงครับ เอกขอโทษ ที่ไม่ได้ไปร่วมในงานวาระสุดท้ายในครั้งนี้ แต่ภาพของลุงธง ทุกกริยาบทของลุงธงยังอยู่ในจิตใจผมเสมอ “นายมาคราวนี้คงหนักใจ เราว่านายต้องหนักใจมากกว่าเก่า” คงเป็นประโยคสุดท้ายที่ลุงธงบอกถึงความเป็นห่วงตัวผมเอง ซึ่งผมก็ได้บอกแกลุงธงว่า ไม่ต้องหนักใจอะไร มีงานก็ทำ มีเรื่องคุยก็คุย ไม่เห็นมีอะไร แล้วเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ


ผมเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับลุงธงเลย และอีกหลายๆคน ที่ไม่เคยถ่ายรูปคู่ไว้ดู อาจเป็นเพราะนิสัยช่างกล้อง จึงอายกล้องเสมอๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะช่างกล้องคนนี้ มันมีการบันทึกที่ดี(เมมโมรี่ดี) จำภาพจำเหตุการณ์ จำคำพูด คำสอน คนได้เยอะเว้นแต่ คำด่า คำสบประณาม ซึ่งไร้สาระ มิควรจำ เพราะไม่ใช่เป็นการติเพื่อก่อ อันนี้ไม่ต้องจำ


ลุงธงครับ ผมขอแสดงความรัก ความกญัญู ด้วยการนำคลิปวีดีโอนี้ออกมาเพื่อให้หลายคนได้รู้จักและ อีกหลายๆคนที่รู้จักลุงธงแล้วได้ดูกันครับ


มันคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะแสดงความมีกตัญญกตเวที แม้มิได้ไปร่วมงานในครั้งนี้
ข้าขอเทพเทวดาฟ้าดิน ลูกผู้มีความระลึกถึงผู้มีพระคุณ ขอส่งความระลึกถึงครั้งนี้ แด่ดวงวิญญาณลุงธงผู้ล่วงลับ ให้ไปสู่สุคติอันเป็นผลของบุญที่แกได้กระทำมาด้วยเถิด หากผลบุญส่วนหนึ่งส่วนใดทีข้าพเจ้ากระทำด้วยความเพียรอันบริสุทธ์แล้ว ขอผลบุญนั้นจงไปถึงแก่ลุงธงผู้ซึ่งเกิดเกื้อหนุนจุนเจือข้ามาด้วย เถิด   
รักเคารพลุงธงเสมอ เอกศิษย์สองสลึง